หมดยุคของคลังสินค้าแบบดั้งเดิม ถึงเวลาของ "คลังสินค้าอัจฉริยะสีเขียว"

  • คลังสินค้ายุคใหม่มาพร้อมความสามารถในการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะต่าง ๆ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

  • ระบบอัตโนมัติมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการพลังงานภายในคลังสินค้าที่ยั่งยืน

25 Apr, 2023
ปัจจุบันทั้งคู่ค้าและผู้บริโภคทั่วโลกต่างตระหนักถึงผลกระทบจากการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การนำแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน ผนวกกับเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในคลังสินค้า จึงมีความสำคัญมากขึ้น เพราะการเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้วยการพลิกโฉมเป็น "คลังสินค้าอัจฉริยะสีเขียว" เป็นสิ่งที่จะสร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการทั้งในแง่ของชัยชนะทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม ด้วยการทำให้โลจิสติกส์โดยรวมแข็งแกร่งมากขึ้น รวมถึงช่วยพัฒนาการใช้พลังงานและทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อโลกของเรา

คลังสินค้ามีบทบาทสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจโลกยั่งยืน และระบบอัจฉริยะสามารถช่วยได้ ดังนั้นคลังสินค้าที่ยั่งยืนจึงมักมาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยต่าง ๆ ซึ่งกลายเป็นกุญแจสำคัญของคลังสินค้าอัจฉริยะสีเขียว เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดผลกระทบโดยรวมต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ทำให้ได้ข้อมูลเรียลไทม์เกี่ยวกับการใช้พลังงานจากเซ็นเซอร์ จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและกระบวนการต่าง ๆ ภายในคลังสินค้าให้มีความยั่งยืนมากขึ้น


นอกจากนี้ การใช้ระบบจัดการอัตโนมัติในกระบวนการปฏิบัติงาน ทำให้การดำเนินการต่าง ๆ ภายในคลังสินค้าเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้แสงสว่าง จึงลดการใช้พลังงานโดยปริยาย หรือในกรณีของโรงงานโคคา-โคลา ในสหรัฐอเมริกา ที่ใช้กลยุทธ์การจัดแสงแบบยั่งยืนที่เรียกว่า “แสงกลางวัน” เพื่อลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ของโรงงาน โดยใช้หลอดไฟเดย์ไลท์และกระจกใส เพื่อกระจายแสงไปยังคลังสินค้า ทำให้สามารถทำงานได้โดยไม่ใช้แสงประดิษฐ์

ขณะที่ระบบจัดเก็บสินค้าที่มีขนาดกะทัดรัด และมีความหนาแน่นสูง สามารถนำไปสู่คลังสินค้าที่ยั่งยืนได้เช่นกัน เพราะโซลูชันการจัดเก็บเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่จำกัด เพื่อจัดเก็บสินค้าจำนวนมากขึ้น เช่น ในห้องที่มีการควบคุมอุณหภูมิ โซลูชันขนาดกะทัดรัดนี้จะลดการใช้พลังงานต่อพาเลทที่จัดเก็บ


ไม่เพียงเท่านี้ ประโยชน์ของคลังสินค้าอัจฉริยะสีเขียวมีมากกว่าความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะคลังสินค้าที่ยั่งยืนนอกจากจะเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว ยังมีความสว่าง และอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้พนักงานทำงานสะดวกสบายมากขึ้น และทำให้มีประสิทธิผลมากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้ คลังสินค้าที่ยั่งยืนจึงสามารถสร้างความแตกต่างในตลาดแรงงาน ด้วยการดึงดูดพนักงานที่เก่งที่สุด โดยเฉพาะในหมู่คนทำงานอายุน้อยได้

วอย่างโซลูชันคลังสินค้ายั่งยืนที่น่าสนใจคือ Great Wrap สตาร์ทอัพสัญชาติออสเตรเลียที่นำเสนอม้วนห่อพาเลทที่ย่อยสลายได้ เพราะทำจากเศษอาหารและมีส่วนผสมของโพลิเมอร์ชีวภาพ ซึ่งจะแตกตัวเป็นคาร์บอนและน้ำในเวลาไม่กี่สัปดาห์โดยไม่ทิ้งสารพิษ ในขณะเดียวกันก็ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย จึงมีประสิทธิภาพสูงในการปกป้องสินค้าที่อยู่ในพาเลท

จะเห็นได้ชัดเจนว่าธุรกิจคลังสินค้าในยุคใหม่จำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านสู่คลังสินค้าอัจฉริยะสีเขียวที่มีทั้งความฉลาดและความยั่งยืน เพราะการเพิ่มประสิทธิภาพของโลจิสติกส์ การลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมถึงการลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง จะช่วยนำพาให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสมดุลทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงโลจิสติกส์ ที่งาน “TILOG-LOGISTIX 2023” งานแสดงสินค้าและบริการด้านโลจิสติกส์ เทคโนโลยี และโซลูชั่นด้านอินทราโลจิสติกส์ที่ครบครันที่สุดในอาเซียน ภายใต้แนวคิด “Smart and Green Logistics for Sustainable Tomorrow” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17-19 สิงหาคม 2566 นี้ ณ ไบเทค บางนา

ที่มา:





บทความที่เกี่ยวข้อง

หมายเหตุ

คณะผู้จัดงาน TILOG-LOGISTIX ขอสงวนสิทธิ์การเข้าชมงานสำหรับนักธุรกิจเท่านั้น กรุณาแต่งกายสุภาพ ไม่อนุญาตให้ผู้สวมกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ และบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีเข้าชมงาน ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เหมาะสมเข้าชมงานตามความเหมาะสมโดยไม่ต้องมีสาเหตุหรือคำอธิบาย