ถอดรหัสพลังงานสะอาดเพื่อยุคใหม่ของโลจิสติกส์
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกกำลังมีวิวัฒนาการเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 หลายองค์กรทำการศึกษาวิจัยหรือออกระเบียบข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เช่น องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ได้ระบุให้มีการเปิดเผยดัชนีประสิทธิภาพพลังงานของเรือที่มีอยู่ (EEXI) และดัชนีความเข้มข้นของคาร์บอน (CII) รวมถึงกำหนดพื้นที่ควบคุมการปล่อยมลพิษ (ECAs) ซึ่งควบคุมการปล่อยซัลเฟอร์และมลพิษตามแนวชายฝั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อผลักดันการนำแหล่งพลังงานทางเลือกมาใช้ในการขนส่งสินค้าทางทะเลให้มากขึ้น
พลังงานสะอาดคือโซลูชันของโลจิสติกส์ยุคใหม่
ในปัจจุบัน เชื้อเพลิงชีวภาพมีหลากหลายประเภทที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานแก่ผู้ขนส่งโลจิสติกส์ ได้แก่
เมทานอล (Methanol)
เชื้อเพลิงเมทานอลเป็นเชื้อเพลิงที่ผลิตจากวัตถุดิบเหลือใช้และของเสีย ใช้ได้ดีกับโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ไบโอดีเซล (Biodiesel)
ผลิตจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ อาจต้องดัดแปลงเครื่องยนต์
ก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas - LNG)
ไม่มีการปล่อยเขม่า การจัดการที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ถูกนำมาใช้มากขึ้นในการขนส่งทางทะเล
ไฮโดรเจน (Hydrogen)
การเผาไหม้ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ แต่ต้องเผชิญกับต้นทุนการจัดเก็บที่สูงและความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
แอมโมเนีย (Ammonia)
แอมโมเนียมีศักยภาพการปล่อยคาร์บอนเกือบเป็นศูนย์ แต่ปัจจุบันถูกจำกัดการใช้ด้วยเงื่อนไขความเป็นพิษและความซับซ้อนในการจัดการ
การเติบโตของพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้นและถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เช่น ในรถบรรทุกตู้สินค้า รถหัวลาก เครนและอุปกรณ์ยกขนตู้สินค้าพลังงานไฟฟ้า ฟอร์คลิฟท์ รวมถึงอุปกรณ์พลังงานไฟฟ้าอื่นๆ ข้อจำกัดด้านระยะทางในปัจจุบันเป็นแรงผลักดันการพัฒนาระบบไฮบริดสำหรับการดำเนินงานระยะไกลซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาให้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถถูกใช้อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต โดยแหล่งที่มาหลักของพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันคือ:
พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power)
แผงโซลาร์เซลล์ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วย AI เพื่อใช้ประเมิน ควบคุมคุณภาพการจ่ายพลังงาน พร้อมระบบกักเก็บลิเธียมในยานพาหนะที่สามารถกักเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลม (Wind Power)
ลมเป็นพลังงานที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จึงมุ่งมั่นพัฒนากังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับฐานปฏิบัติการทั้งภาคพื้นบกและทะเล ให้สามารถครอบคลุมการขนส่งสินค้าตลอดซัพพลายเชน
แนวโน้มเชิงกลยุทธ์
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะเดินหน้าควบคู่ไปกับการใช้พลังงานทางเลือก โดยมีการนำ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้มากขึ้นเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพ ดังนั้นความร่วมมือจากหลายภาคส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ.2593 แม้ว่าต้นทุนเริ่มต้นจะสูงกว่า แต่ประโยชน์ด้านความยั่งยืนในระยะยาวและการปฏิบัติตามกฎระเบียบจะทำให้การใช้พลังงานสะอาดเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์
ตามทันทุกเทรนด์ใหม่ในวงการโลจิสติกส์กับบล็อกของเรา และห้ามพลาดงาน ไทล็อก - โลจิสติกซ์ 2026 ในวันที่ 19-21 สิงหาคม 2569 ณ ไบเทค บางนา